รู้สึกว่า จู่ๆ ก็อยากพูดถึงคำนี้ขึ้นมากระทันหัน ทำไมก็ไม่รู้
เดี๋ยวขอวิชาการก่อนนะ แล้วจะบอกให้ว่าทำไมถึงต้องพูดเรื่องนี้
เดี๋ยวขอวิชาการก่อนนะ แล้วจะบอกให้ว่าทำไมถึงต้องพูดเรื่องนี้
การเรียนรู้เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ตลอดชีวิต
คำจำกัดความที่เราจะได้ยินเสมอ นั่นก็คือ
“การเรียนรู้คือการเปลี่ยนแปลงศักยภาพแห่งพฤติกรรมที่ค่อนข้างถาวร ซึ่งเป็นผลมาจากการฝึกหรือการปฏิบัติที่ได้รับการเสริมแรง”
(เค้าบอกของคิมเบิล (ไหนไม่รู้) และไม่เอาภาษาอังกฤษเพราะเราไม่เข้าใจ)
เรารู้สึกว่า ชีวิตเราเนี่ยมันต้องมีการเรียนรู้เนอะ
ไม่ว่าจะเรื่องรัก หรือว่า เรื่องการใช้ชีวิต (เราหมายถึงหลังจากการรับเชื่อนะ)
อีกเรื่องคือ... การใช้ชีวิตในความเชื่อ เป็นสิ่งที่สำคัญอีกสิ่งที่ จำเป็นต้องเรียนรู้
การรับเชื่อเป็นเหมือนจุดเริ่มที่เราจะใช้ชีวิตใหม่ เป็นสิ่งที่เราจะเริ่มพฤติกรรมใหม่ๆ
นอกจากนี้ การรับเชื่อ เป็นการรับพระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิต แล้วเราก็เตรียมตัวที่จะเปลี่ยนแปลง
เปลี่ยนแปลงชีวิตไปแบบถาวร แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ใช่การเปลี่ยนไปแบบปุบปับ
พระเจ้าจะค่อยๆเข้ามาในชีวิตเรา แล้วค่อยๆเปลี่ยนเราไปเพื่อเป็นคนใหม่
โดยผ่านบทเรียนต่างๆ บททดสอบจากพระเจ้า และหากเราทำได้ดี
พระเจ้าจะมีรางวัลเตรียมไว้ให้เสมอ นีเ่ป็นการเสริมแรงในทางบวก
In the other hand, การเสริมแรงทางลบ สำหรับพระเจ้าก็มีไว้ตีสอนเราเหมือนกัน
เวลาที่เราทำอะไรผิด หรือ ไม่ได้ดั่งใจพระเจ้า ---- :)
แล้วเราพูดมาหมดนี่เพื่ออะไร? เออ นั่นน่ะสิ เพื่ออะไร???
ขั้นแรก คือ เกิดแรงจูงใจ (Motivation)
สำหรับเรา แรงจูงใจเริ่มแรกกกก เลยที่ไปโบสถ์ คือ การเรียนรู้พระเจ้าผ่าน"การแสดง"
ซึ่งถ้าท้าวความไปอีกที ก็ไม่ใช่ตัวเราเองแหละ พระเจ้าให้ทั้งสุรพัด และดรีมมาเรียกให้เราไป
เอาจริงๆ ตอนนั้นไปเพราะดรีมชวนนะ 5555 สำหรับเรา นั้นเป็นแรงจูงใจครั้งแรก
แต่ไม่ได้สนใจเรื่องรับเชื่ออะไรเลยนะ นั่นแหละ ก็เป็นไปตามแผนการของพระเจ้า :):)
ขั้นสอง คือ กำหนดเป้าประสงค์ (Goal)
ขั้นสาม คือ เกิดความพร้อม (Readiness)
ขั้นสี่ คือ มีอุปสรรค (Obstacle)
และก็ทำให้หลายๆคน ติดแหง่กอยู่กับขั้นนี้
น้องหยีคาดว่า ขั้นนี้คงกินเวลานานที่สุด สำหรับใครหลายๆคน
ไอ้ช่วงเตรียมพร้อม รับเชื่อ รับบัพติศมาเนี่ย...
ไม่นานเท่าช่วงนี้เลยนะ ขอบอก!!!!
ขั้นห้า คือ การตอบสนอง (Response)
และได้เลือกทางที่ถูกแล้วตอนนี้ พระเจ้ากระตุกเชือกหยีที่คอหลังจากปล่อยให้ไปเรียนรู้ชีวิต
ให้ไปตามใจชอบมานาน พระเจ้าคงคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่เราจะพร้อม และมีอะไรที่จะมาแบ่งปัน
ให้เราโตขึ้น ให้เรากลับมาเตรียมที่จะรับใช้พระเจ้า...
ถ้าเป็นเตเลตับบี้ พระเจ้าก็คงพูดเหมือนพระอาทิตย์หน้าเด็ก...
"หมดเวลาสนุกแล้วสิ หมดเวลาสนุกแล้วสิ"
ใช่จ๊ะหยี หมดเวลาสนุกทางโลกแล้วล่ะ :):)~
ขั้นหก คือ การเสริมแรง (Reinforcement)
อ่า... ตอนนี้พระเจ้าก็เสริมแรงหยี อยู่นะ เสริมอยู่ๆ.... เพราะว่าพระเจ้าพอใจไง เลยรู้สึกจริงๆ ว่าได้ Fulfill :):)
สำหรับหยีแล้ว การที่ข้างในเรา filled อ่ะ มันเป็นการเสริมแรงจากพระเจ้านะ
เอาจริงๆ ได้รางวัลเป็ฯการเสริมแรงจากพระเจ้าเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก จริงๆ
หลายอย่างๆ ไม่รู้จะพูดยังไง (แม้แต่ช่วงที่มีอุปสรรค แต่ตอนนั้นไม่รู้สึกหรอก
คิดได้ก็ตอนนี้แหละ ว่าเอ้อ ตอนนั้นพระเจ้าช่วยนี่หว่า ตอนนั้น ด้วย ตอนนี้ โน้น นั่น เยอะไปหมด)
ขั้นที่เจ็ด หรือ ขั้นสุดท้าย คือ การสรุปความเหมือน (Generalization)
ตอนนี้ก็ถึงขั้นนี้แล้วแหละ เป็นขั้นที่เหมือนพระเจ้าจะให้เราเป็นพยาน
เอาชีวิตของเรา ไปสอนคนอื่น... ไหนๆก็ผ่านกระบวนการเรียนรู้มาแล้ว
อย่าทำให้เสียประโยชน์ สิ่งที่พระเจ้าลำบาก ดัดสันดานเรามา (ขอใช้คำนี้)
มันไม่ใช่แค่ให้เราเปลี่ยนไป ในทางที่ดีขึ้นเท่านั้นหรอกนะ
สุดท้าย....
(ขอยืมคำพูดพี่อาร์ทมาพูดนะ )
"ในความเจ็บปวด... เราจึงยอมรับว่าเราอ่อนแอ
ในความอ่อนแอ... เราจึงยอมรับพระคุณและการช่ วยเหลือ
ในพระคุณ... เราจึงยอมรับว่าเราแข็งแรงขึ้น
เมื่อเราแข็งแรงขึ้น... เป็นทางเลือกของเราแล้วล่ะ
ว่าจะอยู่เฉยๆ หรือช่วยให้คนอื่นแข็งแรงขึ้นด้วยเช่นกัน"
ปล.
คำจำกัดความที่เราจะได้ยินเสมอ นั่นก็คือ
“การเรียนรู้คือการเปลี่ยนแปลงศักยภาพแห่งพฤติกรรมที่ค่อนข้างถาวร ซึ่งเป็นผลมาจากการฝึกหรือการปฏิบัติที่ได้รับการเสริมแรง”
(เค้าบอกของคิมเบิล (ไหนไม่รู้) และไม่เอาภาษาอังกฤษเพราะเราไม่เข้าใจ)
จากคำจำกัดความนี้ทำให้เราสรุปได้เป็นภาษามนุษย์ง่ายๆ ให้เข้าใจได้นั่นคือ
1. การเรียนรู้ คือ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
2. ต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ค่อนข้างถาวร ไม่ใช่ชั่วครู่
3. ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมโดยฉับพลันทันที
4. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมต้องมาจากประสบการณ์ และการฝึก
5. การฝึกต้องได้รับการเสริมแรง ใในที่นี้หมายถึง "รางวัล"
1. การเรียนรู้ คือ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
2. ต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ค่อนข้างถาวร ไม่ใช่ชั่วครู่
3. ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมโดยฉับพลันทันที
4. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมต้องมาจากประสบการณ์ และการฝึก
5. การฝึกต้องได้รับการเสริมแรง ใในที่นี้หมายถึง "รางวัล"
เรารู้สึกว่า ชีวิตเราเนี่ยมันต้องมีการเรียนรู้เนอะ
ไม่ว่าจะเรื่องรัก หรือว่า เรื่องการใช้ชีวิต (เราหมายถึงหลังจากการรับเชื่อนะ)
สำหรับเรื่องความรัก... อย่าอ้วกนะ คือ เราต้องเรียนรู้การรัก และการถูกรัก
มันเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติก รรมนะ แล้วก็ค่อนข้างถาวร
ความรักทำให้คนเราค่อยๆเปลี่ยนไป ต้องป่านประสบการณ์ และมีการเสริมแรง
เออ มันตรงทุกอย่างเลยจริงๆนะ เพราะฉะนั้น รัก จึงเป็นสิ่งจำเป็นต้องเรียนรู้
พักไว้ก่อนเรื่องนี้
มันเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติก รรมนะ แล้วก็ค่อนข้างถาวร
ความรักทำให้คนเราค่อยๆเปลี่ยนไป ต้องป่านประสบการณ์ และมีการเสริมแรง
เออ มันตรงทุกอย่างเลยจริงๆนะ เพราะฉะนั้น รัก จึงเป็นสิ่งจำเป็นต้องเรียนรู้
พักไว้ก่อนเรื่องนี้
อีกเรื่องคือ... การใช้ชีวิตในความเชื่อ เป็นสิ่งที่สำคัญอีกสิ่งที่ จำเป็นต้องเรียนรู้
การรับเชื่อเป็นเหมือนจุดเริ่มที่เราจะใช้ชีวิตใหม่ เป็นสิ่งที่เราจะเริ่มพฤติกรรมใหม่ๆ
นอกจากนี้ การรับเชื่อ เป็นการรับพระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิต แล้วเราก็เตรียมตัวที่จะเปลี่ยนแปลง
เปลี่ยนแปลงชีวิตไปแบบถาวร แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ใช่การเปลี่ยนไปแบบปุบปับ
พระเจ้าจะค่อยๆเข้ามาในชีวิตเรา แล้วค่อยๆเปลี่ยนเราไปเพื่อเป็นคนใหม่
โดยผ่านบทเรียนต่างๆ บททดสอบจากพระเจ้า และหากเราทำได้ดี
พระเจ้าจะมีรางวัลเตรียมไว้ให้เสมอ นีเ่ป็นการเสริมแรงในทางบวก
In the other hand, การเสริมแรงทางลบ สำหรับพระเจ้าก็มีไว้ตีสอนเราเหมือนกัน
เวลาที่เราทำอะไรผิด หรือ ไม่ได้ดั่งใจพระเจ้า ---- :)
แล้วเราพูดมาหมดนี่เพื่ออะไร? เออ นั่นน่ะสิ เพื่ออะไร???
ก็คือ เอาจริงๆคือ จะบอกว่า (มาโหมด Holy เยอะจังช่วงนี้ เอาน่า กำลังขึ้นๆ)
พระเจ้าทรงเป็น Teacher เป็นคนสอนเราใช้ชีวิตใหม่ ผ่านกระบวนการเรียนรู้
แล้วถ้ามองจริงๆ สำหรับชีวิตเราแล้ว เออ มันเป็นขั้นจริงๆ ตามที่เค้าสอนไว้เลย
พระเจ้าทำให้เราเกิดกระบวนก ารเรียนรู้เป็นขั้นเป็นตอนจริงๆ พระเจ้าเยี่ยมสุดๆ!!!
ที่จะยกเป็นตัวอย่างต่อไปนี้ เป็นตัวอย่างจริงที่เกิดขึ้นจริง 5555
เป็นกระบวนการเรียนรู้ชีวิตใหม่ ที่พระเจ้าสอนเรานะ :):)
พระเจ้าทรงเป็น Teacher เป็นคนสอนเราใช้ชีวิตใหม่ ผ่านกระบวนการเรียนรู้
แล้วถ้ามองจริงๆ สำหรับชีวิตเราแล้ว เออ มันเป็นขั้นจริงๆ ตามที่เค้าสอนไว้เลย
พระเจ้าทำให้เราเกิดกระบวนก ารเรียนรู้เป็นขั้นเป็นตอนจริงๆ พระเจ้าเยี่ยมสุดๆ!!!
ที่จะยกเป็นตัวอย่างต่อไปนี้ เป็นตัวอย่างจริงที่เกิดขึ้นจริง 5555
เป็นกระบวนการเรียนรู้ชีวิตใหม่ ที่พระเจ้าสอนเรานะ :):)
ขั้นแรก คือ เกิดแรงจูงใจ (Motivation)
เมื่อใดก็ตามที่กิดความต้องการหรืออยู่ในภาวะที่ขาดสมดุลย์ก็จะมีแรงขับ (Drive) หรือแรงจูงใจ (Motive) เกิดขึ้น
ผลักดันให้เกิดพฤติกรรมเพื่อหาสิ่งที่ขาดไปนั้นมาให้ร่างกายที่อยู่ในภาวะที่พอดี
แรงจูงใจมีผลให้แต่ละคนไวต่อการสัมผัสสิ่งเร้าแตกต่างกัน
เป็นสิ่งที่จะกำหนดทิศทางและความเข้มของพฤติกรรมและเป็นสิ่งจำเป็นเบื้องต้นสำหรับการเรียนรู้
ผลักดันให้เกิดพฤติกรรมเพื่อหาสิ่งที่ขาดไปนั้นมาให้ร่างกายที่อยู่ในภาวะที่พอดี
แรงจูงใจมีผลให้แต่ละคนไวต่อการสัมผัสสิ่งเร้าแตกต่างกัน
เป็นสิ่งที่จะกำหนดทิศทางและความเข้มของพฤติกรรมและเป็นสิ่งจำเป็นเบื้องต้นสำหรับการเรียนรู้
สำหรับเรา แรงจูงใจเริ่มแรกกกก เลยที่ไปโบสถ์ คือ การเรียนรู้พระเจ้าผ่าน"การแสดง"
ซึ่งถ้าท้าวความไปอีกที ก็ไม่ใช่ตัวเราเองแหละ พระเจ้าให้ทั้งสุรพัด และดรีมมาเรียกให้เราไป
เอาจริงๆ ตอนนั้นไปเพราะดรีมชวนนะ 5555 สำหรับเรา นั้นเป็นแรงจูงใจครั้งแรก
แต่ไม่ได้สนใจเรื่องรับเชื่ออะไรเลยนะ นั่นแหละ ก็เป็นไปตามแผนการของพระเจ้า :):)
ขั้นสอง คือ กำหนดเป้าประสงค์ (Goal)
เมื่อมีแรงจูงใจเกิดขึ้นแต่ละบุคคลก็จะกำหนดเป้าประสงค์ที่จะก่อให้เกิดความพึงพอใจ
เมื่อได้เรียนรู้ซักพัก สิ่งที่เราอยากทำตอนแรก
เป้าหมายของเรา คือ การได้เรียนการแสดง แสดงเป็น
แต่มีเป้าหมายต่อมาคือ อยากจะรู้อะไรกับคำว่า "คริสต์" มากขึ้น อยากรู้จัก"พระเจ้า" อยากรู้จัก "พระเยซู"
นั่นคือ เป้าหมาย ที่พระเจ้ากำหนดให้เรา (เอาจริงๆ ตอนแรกคิดว่าเป็นตัวเอง แต่ไม่นิ 555)
เป้าหมายแรก ดูจับต้องได้เนอะ ดูแบบชัดเจนไม่เลื่อนลอย
แต่เป้าหมายที่สองนี่ ค่อนข้าง จับต้องไม่ได้เนอะ ว่ามั้ย??
เมื่อได้เรียนรู้ซักพัก สิ่งที่เราอยากทำตอนแรก
เป้าหมายของเรา คือ การได้เรียนการแสดง แสดงเป็น
แต่มีเป้าหมายต่อมาคือ อยากจะรู้อะไรกับคำว่า "คริสต์" มากขึ้น อยากรู้จัก"พระเจ้า" อยากรู้จัก "พระเยซู"
นั่นคือ เป้าหมาย ที่พระเจ้ากำหนดให้เรา (เอาจริงๆ ตอนแรกคิดว่าเป็นตัวเอง แต่ไม่นิ 555)
เป้าหมายแรก ดูจับต้องได้เนอะ ดูแบบชัดเจนไม่เลื่อนลอย
แต่เป้าหมายที่สองนี่ ค่อนข้าง จับต้องไม่ได้เนอะ ว่ามั้ย??
ขั้นสาม คือ เกิดความพร้อม (Readiness)
อ่าค่ะ สำหรับเราแล้ว เราเกิดความพร้อมที่จะเรียนรู้เรื่องของพระเจ้ามากขึ้น หลังการรับเชื่อนะ
พอรับเชื่อเสร็จปุ๊บ รู้สึกเลยว่า อยากเรียนรู้ มันพร้อมอ่ะ เข้าใจป่ะ?
พร้อมที่จะรู้จักกับพระเจ้า รู้จักกับพระเจ้ามากขึ้น
พร้อมในหลายๆด้าน
เอ้า มาค่ะ พระเจ้า น้องหยีพร้อมมมม!!!!!
พอรับเชื่อเสร็จปุ๊บ รู้สึกเลยว่า อยากเรียนรู้ มันพร้อมอ่ะ เข้าใจป่ะ?
พร้อมที่จะรู้จักกับพระเจ้า รู้จักกับพระเจ้ามากขึ้น
พร้อมในหลายๆด้าน
เอ้า มาค่ะ พระเจ้า น้องหยีพร้อมมมม!!!!!
ขั้นสี่ คือ มีอุปสรรค (Obstacle)
แน่ะ ไม่ต้องคิดมากค่ะ 5555 หลังจากรับบัพติศมาแล้ว
อุปสรรคการทดสอบก็มาในบัดดล... ไอ้ปัสกาที่เจอระหว่างรับเชื่อนี่ จิ๊บจ๊อยไปเลยค่ะ
หลังจากนี้สสิ ที่เค้าเรียกว่า "ของจริง" หลายๆคนคงทราบอยู่
อุปสรรคที่ว่านี้ มันก็มีหลากหลายประการ และที่สำคัญ ทำให้หยีหลงหายไปได้ค่าาาา
ดีใจด้วย... นี่เป็นกระบวนการเรียนรู้อีกบทหนึ่งที่หยีได้รับ
อุปสรรคจะเป็นสิ่งขวางกั้นระหว่างพฤติกรรมที่เกิดจากแรงจูงใจกับเป้าประสงค์
ถ้าหากไม่มีอุปสรรค์หรือสิ่งกีดขวางเราก็จะไปถึงเป้าประสงค์ได้โดยง่าย....
ซึ่งเราก็ถือว่าสภาพการณ์เช่นนี้ ไม่ได้ช่วยให้เกิดความต้องการที่จะแก้ปัญหาและเรียนรู้
ตรงกันข้ามการที่เราไม่สามารถไปถึงเป้าหมายได้จะก่อให้เกิดความเครียด
และจะเกิดความพยายามที่จะหาวิธีการแก้ปัญหาซึ่งจะทำให้เกิดการเรียนรู้ขึ้น
แน๊ะ... เริ่มเข้าใจอะไรกันมั้ยค่ะ?
พระเจ้าให้บททดสอบเรา เพื่อจะบอกว่า การรู้จักพระองค์ไม่ใช้่ง่า ยๆนะเคอะ :):)อุปสรรคการทดสอบก็มาในบัดดล... ไอ้ปัสกาที่เจอระหว่างรับเชื่อนี่ จิ๊บจ๊อยไปเลยค่ะ
หลังจากนี้สสิ ที่เค้าเรียกว่า "ของจริง" หลายๆคนคงทราบอยู่
อุปสรรคที่ว่านี้ มันก็มีหลากหลายประการ และที่สำคัญ ทำให้หยีหลงหายไปได้ค่าาาา
ดีใจด้วย... นี่เป็นกระบวนการเรียนรู้อีกบทหนึ่งที่หยีได้รับ
อุปสรรคจะเป็นสิ่งขวางกั้นระหว่างพฤติกรรมที่เกิดจากแรงจูงใจกับเป้าประสงค์
ถ้าหากไม่มีอุปสรรค์หรือสิ่งกีดขวางเราก็จะไปถึงเป้าประสงค์ได้โดยง่าย....
ซึ่งเราก็ถือว่าสภาพการณ์เช่นนี้ ไม่ได้ช่วยให้เกิดความต้องการที่จะแก้ปัญหาและเรียนรู้
ตรงกันข้ามการที่เราไม่สามารถไปถึงเป้าหมายได้จะก่อให้เกิดความเครียด
และจะเกิดความพยายามที่จะหาวิธีการแก้ปัญหาซึ่งจะทำให้เกิดการเรียนรู้ขึ้น
แน๊ะ... เริ่มเข้าใจอะไรกันมั้ยค่ะ?
และก็ทำให้หลายๆคน ติดแหง่กอยู่กับขั้นนี้
น้องหยีคาดว่า ขั้นนี้คงกินเวลานานที่สุด สำหรับใครหลายๆคน
ไอ้ช่วงเตรียมพร้อม รับเชื่อ รับบัพติศมาเนี่ย...
ไม่นานเท่าช่วงนี้เลยนะ ขอบอก!!!!
ขั้นห้า คือ การตอบสนอง (Response)
เมื่อบุคคลมีแรงจูงใจ มีเป้าประสงค์ เกิดความพร้อม และเผชิญกับอุปสรรคก็จะมีพฤติกรรมต่าง ๆ เกิดขึ้น
พฤติกรรมนั้นอาจเริ่มด้วยการตัดสินใจ เกิดอาการตอบสนองที่เหมาะสม
ทดลองทำ แล้วปรับปรุงแก้ไขการตอบสนองนั้นให้แก้ปัญหาได้ดีที่สุด
ซึ่งแนวทางของการตอบสนองอาจมุ่งสู่เป้าประสงค์โดยตรงหรือโดยทางอ้อมอย่างใดอย่างหนึ่ง
ซึ่งก็แล้วแต่ว่า ช่วงนี้ ใครจะแก้ได้ หรือแก้ไม่ได้ พระเจ้าใช้ไอ้อุปสรรคนี้แหละที่สอนเรา
ให้เราเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหา ผ่านอุปสรรค บททดสอบต่างๆ
และเป็นการทดสอบด้วยว่า เราจะเลือกพระเจ้าหรือไม่ 555
สำหรับหยี... ขอบคุณพระเจ้าจริงๆ ที่มีการตอบสนองที่เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์พฤติกรรมนั้นอาจเริ่มด้วยการตัดสินใจ เกิดอาการตอบสนองที่เหมาะสม
ทดลองทำ แล้วปรับปรุงแก้ไขการตอบสนองนั้นให้แก้ปัญหาได้ดีที่สุด
ซึ่งแนวทางของการตอบสนองอาจมุ่งสู่เป้าประสงค์โดยตรงหรือโดยทางอ้อมอย่างใดอย่างหนึ่ง
ซึ่งก็แล้วแต่ว่า ช่วงนี้ ใครจะแก้ได้ หรือแก้ไม่ได้ พระเจ้าใช้ไอ้อุปสรรคนี้แหละที่สอนเรา
ให้เราเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหา ผ่านอุปสรรค บททดสอบต่างๆ
และเป็นการทดสอบด้วยว่า เราจะเลือกพระเจ้าหรือไม่ 555
และได้เลือกทางที่ถูกแล้วตอนนี้ พระเจ้ากระตุกเชือกหยีที่คอหลังจากปล่อยให้ไปเรียนรู้ชีวิต
ให้ไปตามใจชอบมานาน พระเจ้าคงคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่เราจะพร้อม และมีอะไรที่จะมาแบ่งปัน
ให้เราโตขึ้น ให้เรากลับมาเตรียมที่จะรับใช้พระเจ้า...
ถ้าเป็นเตเลตับบี้ พระเจ้าก็คงพูดเหมือนพระอาทิตย์หน้าเด็ก...
"หมดเวลาสนุกแล้วสิ หมดเวลาสนุกแล้วสิ"
ขั้นหก คือ การเสริมแรง (Reinforcement)
การเสริมแรงก็หมายถึงการได้รางวัลหรือให้สิ่งเร้าที่ก่อให้เกิดความพอใจ
ซึ่งปกติผู้เรียนจะได้รับหลังจากที่ตอบสนองแล้ว
ซึ่งปกติผู้เรียนจะได้รับหลังจากที่ตอบสนองแล้ว
อ่า... ตอนนี้พระเจ้าก็เสริมแรงหยี อยู่นะ เสริมอยู่ๆ.... เพราะว่าพระเจ้าพอใจไง เลยรู้สึกจริงๆ ว่าได้ Fulfill :):)
สำหรับหยีแล้ว การที่ข้างในเรา filled อ่ะ มันเป็นการเสริมแรงจากพระเจ้านะ
เอาจริงๆ ได้รางวัลเป็ฯการเสริมแรงจากพระเจ้าเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก จริงๆ
หลายอย่างๆ ไม่รู้จะพูดยังไง (แม้แต่ช่วงที่มีอุปสรรค แต่ตอนนั้นไม่รู้สึกหรอก
คิดได้ก็ตอนนี้แหละ ว่าเอ้อ ตอนนั้นพระเจ้าช่วยนี่หว่า ตอนนั้น ด้วย ตอนนี้ โน้น นั่น เยอะไปหมด)
เอาจริงๆนะ ทุกอย่างเป็นเหมือนสิ่งที่พระเจ้าบอกกับหยีนะ ว่า
"เออ แกมาทางนี้แหละถูกแล้ว ไอ้ลูกสาวตัวแสบ 555+
กลับมาซะที มานี่มา ป๊ะป๋าจะบอกให้ว่าทางไหนดี ทางไหนถูก"
รู้สีกอย่างนี้ จริงๆนะ -*-
"เออ แกมาทางนี้แหละถูกแล้ว ไอ้ลูกสาวตัวแสบ 555+
กลับมาซะที มานี่มา ป๊ะป๋าจะบอกให้ว่าทางไหนดี ทางไหนถูก"
รู้สีกอย่างนี้ จริงๆนะ -*-
ขั้นที่เจ็ด หรือ ขั้นสุดท้าย คือ การสรุปความเหมือน (Generalization)
หลังจากที่ผู้เรียนสามารถตอบสนองหรือหาวิธีการที่จะมุ่งสู่เป้าประสงค์ได้แล้ว
เขาก็อาจจะประสงค์ใช้กับปัญหาหรือสถานการณ์ที่จะพบในอนาคตได้
แสดงว่าผู้เรียนเกิดความสามารถที่จะสรุปความเหมือนระหว่างสถานการณ์การเรียนรู้ที่มีมาก่อนกับปัญหาหรือสถานการณ์ที่เพิ่งจะพบใหม่
ซึ่งเป็นการขยายขอบเขตของพฤติกรรม การเรียนรู้ให้กว้างขวางออกไป
เขาก็อาจจะประสงค์ใช้กับปัญหาหรือสถานการณ์ที่จะพบในอนาคตได้
แสดงว่าผู้เรียนเกิดความสามารถที่จะสรุปความเหมือนระหว่างสถานการณ์การเรียนรู้ที่มีมาก่อนกับปัญหาหรือสถานการณ์ที่เพิ่งจะพบใหม่
ซึ่งเป็นการขยายขอบเขตของพฤติกรรม การเรียนรู้ให้กว้างขวางออกไป
ตอนนี้ก็ถึงขั้นนี้แล้วแหละ เป็นขั้นที่เหมือนพระเจ้าจะให้เราเป็นพยาน
เอาชีวิตของเรา ไปสอนคนอื่น... ไหนๆก็ผ่านกระบวนการเรียนรู้มาแล้ว
อย่าทำให้เสียประโยชน์ สิ่งที่พระเจ้าลำบาก ดัดสันดานเรามา (ขอใช้คำนี้)
มันไม่ใช่แค่ให้เราเปลี่ยนไป ในทางที่ดีขึ้นเท่านั้นหรอกนะ
มันต้องเอาไปขยายผล ให้คนอื่นได้รู้บ้าง... แต่ละคนก็มีกระบวนการเรียนรู้ที่ต่างกันไป....
นั่นแหละ เปนการขยายผล :):) เราว่าหลายๆคน ไม่ได้ขยายผล
นั่นแหละ เปนการขยายผล :):) เราว่าหลายๆคน ไม่ได้ขยายผล
สุดท้าย....
(ขอยืมคำพูดพี่อาร์ทมาพูดนะ )
"ในความเจ็บปวด... เราจึงยอมรับว่าเราอ่อนแอ
ในความอ่อนแอ... เราจึงยอมรับพระคุณและการช่ วยเหลือ
ในพระคุณ... เราจึงยอมรับว่าเราแข็งแรงขึ้น
เมื่อเราแข็งแรงขึ้น... เป็นทางเลือกของเราแล้วล่ะ
ว่าจะอยู่เฉยๆ หรือช่วยให้คนอื่นแข็งแรงขึ้นด้วยเช่นกัน"
นั่นสิคะ ถึงเวลาทีเ่ราต้องเลือกแล้วล่ะค่ะ :):)
ปล.
พระเจ้าเป็น Teacher ของเราจริงๆ ส่วนเราก็เป็น Student
ซึ่งบางครั้ง Student คนนี้ อาจจะเป็น Toxic Stupid Student ไปบ้าง (เป็นนักเรียนโง่ๆ ที่ชอบพ่นพิษใส่ครูอาจารย์)
แต่พระเจ้าก็ยังเป็น Good Teacher ที่ใส่ใจเรา ค่อยๆสอนเราไป แล้วก็รีดพิษออกจาก Toxic Stupid Student คนนนี้
จนเมื่อหมดพิษ ไร้พิษสง... และจาก Stupid ก็ Be Cleverer ...
พระเจ้าก็เตรียมพร้อมให้เรากลับมารับใช้พระเจ้าแล้วล่ะ :):)
ซึ่งบางครั้ง Student คนนี้ อาจจะเป็น Toxic Stupid Student ไปบ้าง (เป็นนักเรียนโง่ๆ ที่ชอบพ่นพิษใส่ครูอาจารย์)
แต่พระเจ้าก็ยังเป็น Good Teacher ที่ใส่ใจเรา ค่อยๆสอนเราไป แล้วก็รีดพิษออกจาก Toxic Stupid Student คนนนี้
จนเมื่อหมดพิษ ไร้พิษสง... และจาก Stupid ก็ Be Cleverer ...
พระเจ้าก็เตรียมพร้อมให้เรากลับมารับใช้พระเจ้าแล้วล่ะ :):)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น