วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ความเชื่อ

เฝ้าเดี่ยวประจำวันที่ 20/10/09
ฮบ. 11:1-40

บทนี้พูดถึงเรื่องความเชื่อแหละ :):)
(Hebrew 11:1-3)
"Now faith is the substance of things hoped for, the evidence of things not seen. For by it the elders obtained a good report. Through faith we understand that the worlds were framed by the word of God, so that things which are seen were not made of things which do appear."

(ฮบ.11:1-3)
"ความเชื่อได้แสดงออกโดยบุคคลแห่งความเชื่อบัดนี้ ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ป็นหลักฐานมั่นใจว่าสิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง โดยความเชื่อนี้เอง พวกบรรพบุรุษก็ได้รับการรับรอง โดยความเชื่อนี้เอง เราจึงเข้าใจว่า พระเจ้าได้ทรงสร้างกัลปจักรวาลด้วยพระดำรัสของพระองค์ ดังนั้นสิ่งที่มองเห็นจึงเป็นสิ่งที่เกิดจากสิ่งที่ไม่ปรากฏให้เห็น "
เพราะความเชื่อที่มั่นคงของคนสมัยก่อน
สิ่งต่างๆที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้โดยฝีมือของมนุษย์ พระเจ้าทรงกระทำให้เกิดขึ้นได้

เพราะว่าคนสมัยก่อนมีความเชื่อ พระเจ้าจึงทรงให้ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี
ไม่ว่าจะเป็นอาแบล เอโนค ดาวิด โนอาห์ หรืออับราฮัม
คนเหล่านี้เชื่อพระเจ้า โดยไร้ซึ่งความสงสัย ลังเลใจ
ยอมที่จะแปลกแตกต่างไปจากคนอื่นๆ ยอมเอาของที่ดีที่สุดถวายให้กับพระเจ้า
(Hebrew 11:6)
"But without faith it is impossible to please him: for he that cometh to God must believe that he is, and that he is a rewarder of them that diligently seek him."

(ฮบ. 11:6)
"แต่ถ้าไม่มีความเชื่อแล้ว จะเป็นที่พอพระทัยของพระองค์ก็ไม่ได้เลย เพราะว่าผู้ที่จะมาหาพระเจ้าได้นั้นต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่ และพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานบำเหน็จให้แก่ทุกคนที่ปลงใจแสวงหาพระองค์ "
เราต้องมั่นคงในความหนักแน่น และเชื่อว่าพระเจ้่าเป็นผู้ืรงพระชนม์อยู่จริง
ให้เราเลือกที่จะเป็นคนแปลกถิ่นที่ท่องเที่ยวไปในโลก เพราะให้เรารู้ไว้เถิดว่า
ผู้ใดที่เชื่อในพระเจ้า ผู้นั้นจะได้อยู่ในเมืองที่ประเสริฐเหนือกว่าเมืองใดๆในโลก
นั่นก็คือ เมืองสวรรค์ ที่ๆพระเจ้าได้จัดเตรียมที่ไว้สำหรับคนทุกคนที่เชื่อในพระองค์
แต่ก็เช่นเดียวกัน ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เข้าเมืองสวรรค์

ขอให้เรามีความเชื่อ และปฏิบัติตามพระคำของพระเจ้า
ให้เราเชื่อฟัง และถ่อมใจ รับพระองค์เข้ามาเป็นผู้ที่พาเราดำเนินชีวิต
แล้วเมื่อวันนั้นวันที่พระเจ้ามาถึง เราจะได้ร้องอย่างเต็มปากเต็มคำว่า
"เราเป็นบุตรของพระบิดา"
เพื่อที่พระเจ้าจะได้ไม่ต้องส่ายหน้าแล้วถามเราว่า "เราเป็นใคร"
ให้เราทำตัวให้เหมาะสมกับคำว่า "บุตรของพระเจ้า" "ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าแผ่นดินสวรรค์"

(Mark 9:23-24)
"And Jesus said to him, "If you can! All things are possible to him who believes." Immediately the father of the child cried out and said, "I believe; help my unbelief!"

(มก. 9:23-24)
"พระเยซูจึงตรัสแก่เขานั้นว่" 'ถ้าช่วยได้' น่ะหรือ ใครเชื่อก็ทำได้ทุกสิ่ง "ทันใดนั้น บิดาของเด็กก็ร้องทูลด้วยน้ำตาไหลว่า "ข้าพระองค์เชื่อ พระองค์เจ้าข้า ที่ข้าพระองค์ยังขาดความเชื่อนั้น ขอพระองค์ทรงโปรดช่วยให้เชื่อเถิด"


(Mark 10:27)
"And Jesus looking upon them saith, With men it is impossible, but not with God: for with God all things are possible. "

(มก.10:27)
พระเยซูทอดพระเนตรเหล่าสาวกแล้วตรัสว่า "ฝ่ายมนุษย์ย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่ไม่เป็นแบบนั้นกับพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าทรงกระทำให้เป็นไปได้ทุกสิ่ง"


เพราะพระเจ้าทำได้ทุกอย่าง ให้เราวางใจไว้ว่า เรามีชีวิตอยู่ใต้การดูแลของพระองค์
พระองค์ทรงมีแผนการ และจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกของพระองค์แต่ละคนเสมอ

ขอให้เราอธิษฐานเพื่อเติมความเชื่อของเราให้เต็มอยู่ตลอด
อาเมน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น