วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2552

การตายต่อบาปแต่ดำรงชีวิตในพระคริสต์

เฝ้าเดี่ยวประจำวันที่ 21/10/09
โรม 6:1-14

วันนี้ก็ยังหนีไม่พ้นเรื่องความบาปอีกเช่นเคย
การที่เราเลือกที่จะเป็นลูกของพระคริสต์เหมือนที่พี่ไลฟ์พูด
นั่นก็คือ... ขอใช้คำแปลกๆหน่อยได้ป่ะ?
เราว่าการเป็นลูกของพระคริสต์เอาง่ายๆ คือ "การจุติ" นะ


จุติ[จุ-ติ, จุดติ] ก. เคลื่อน, เปลี่ยนสภาพจากกำเนิดหนึ่งไปเป็นอีก

กำเนิดหนึ่ง, (มักใช้แก่เทวดา). (ป.; ส. จฺยุติ).
อ้างอิงจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน
หรือ เอาให้พูดเข้าใจความหมายง่ายๆ คือ การตายแล้วเกิดใหม่
ในที่นี้เราหมายถึง การตายจากความบาป เพื่อรับสภาพความเป็นลูกของพระคริสต์ใหม่

ารตายต่อบาปนั้น อาจารย์เปาโลได้กล่าวไว้ในโรมบทที่ 6 ว่าดังนี้
(Romans 6:2)
"God forbid. How shall we, that are dead to sin, live any longer therein?"

(รม. 6:2)
"ขอพระเจ้าอย่ายอมให้เป็นเช่นนั้นเลย พวกเราที่ตายต่อบาปแล้ว จะมีชีวิตในบาปต่อไปอย่างไรได้ "

(Romans 6:6-8)
"Knowing this, that our old man is crucified with him, that the body of sin might be destroyed, that henceforth we should not serve sin. For he that is dead is freed from sin. Now if we be dead with Christ, we believe that we shall also live with him: "

(รม. 6:6-8)
"เราทั้งหลายรู้แล้วว่า มนุษย์เก่าของเรานั้นได้ถูกตรึงไว้กับพระองค์แล้ว เพื่อตัวที่บาปนั้นจะถูกทำลายให้สิ้นไป เพื่อเราจะไม่เป็นทาสของบาปอีกต่อไป เพราะว่าผู้ที่ตายแล้วก็พ้นจากบาป แต่ถ้าเราตายแล้วกับพระคริสต์ เราเชื่อว่าเราจะมีชีวิตอยู่กับพระองค์ด้วย "
เราเลือกที่จะตายพร้อมพระคริสต์ดังนี้ เราตายแล้ว ตายตั้งแต่ตอนที่รับเชื่อ
และเราควรที่จะดำเนินชีวิตให้พ้นทางบาปมากที่สุด
หลายๆครั้งที่เราดำเนินชีวิตไปตามกระแสของโลก
กระแสของผู้ที่ยังไม่ตาย ผู้ที่ยังมีชีวิตในความบาป

ใช้ชีวิตเหมือนปลาตายที่ไหลไปตามกระแสของน้ำ

เราใช้ชีวิตโดยหลงลืมไปว่า เราเป็นใคร?
เพราะว่าร่างกายของเรา มิใ่ช่เป็นของเรา ร่างกายเราเป็นของพระเจ้าต่างหาก
แต่บาปพยายามที่จะเอาร่างกายเราไป

จนเราต้องตกเป็นทาสของความบาป และร่างกายเราก็ตกไปอยู่ในความบาปเสียแล้ว

เราใช้คำว่าตายกับพระคริสต์มาตลอด บางคนอาจจะคิดว่าเราพูดซ้ำไปซ้ำมา

แต่มันเรื่องจริงนี่ "ตาย" เราหมายถึง การละทิ้ง การยอมเสียอะไรไป เพื่อให้ได้มาซึ่งชีวิตนิรันดร์กับพระเยซู
(Romans 6:10-11)
"For in that he died, he died unto sin once: but in that he liveth, he liveth unto God. Likewise reckon ye also yourselves to be dead indeed unto sin, but alive unto God through Jesus Christ our Lord. "

(รม. 6:10-11)
"ด้วยว่าซึ่งพระองค์ได้ทรงตายนั้น พระองค์ได้ทรงตายต่อบาปหนเดียว แต่ซึ่งพระองค์ทรงมีชีวิตอยู่นั้น พระองค์ทรงมีชีวิตเพื่อพระเจ้า ทาสแห่งความชอบธรรมเหมือนกัน เช่นนั้นแหละ ท่านทั้งหลายจงถือว่า ท่านได้ตายต่อบาปและมีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้า ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา"
ดังนั้น ข้อสรุปที่อาจารย์เปาโลได้กล่าวไว้ในข้อ 12-14 นั้น เป็นจริงที่สุด
อาจารย์เปาโลได้บอกแก่เรา่ว่า อย่าให้บาปครอบงำตัวเรา
อย่ายอมให้ความบาปนั้น
(ซึ่งเราหลายๆคนก็รู้กันอยู่ว่า บาปนั้นทำง่ายมากแค่ไหน แต่การไม่ทำบาปมันยากแค่ไหน 555)

เราเป็นผู้ที่ตายจากบาปแล้ว เราเลือกที่จะเป็นอยู่กับพระคริสต์
เลือกที่จะเป็นพระวิหารของพระเจ้าแล้ว
ดังนั้น เราก็อย่าทำให้พระวิหารสกปรก
หรือใช้ร่างกายของเราทำความชั่ว!!!
ใช้ร่างกายเพื่อการถวายเกียรติแด่พระเจ้า
ใช้ชีวิตเพื่อเป็นพยานและความมีอยู่ของพระคริสต์
อย่าให้ใช้ชีวิตเพื่อเป็นทาส และพยานของความบาป

เราใช้ชีวิตในทางสว่าง เป็นลูกแห่งความสว่าง และใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ร่มพระคุณของพระเจ้า
(Romans 6:12-14)
"Let not sin therefore reign in your mortal body, that ye should obey it in the lusts thereof. Neither yield ye your members as instruments of unrighteousness unto sin: but yield yourselves unto God, as those that are alive from the dead, and your members as instruments of righteousness unto God. For sin shall not have dominion over you: for ye are not under the law, but under grace."

(รม.6:12-14)
"เหตุฉะนั้นอย่าให้บาปครอบงำกายที่ต้องตายของท่าน ซึ่งทำให้ต้องเชื่อฟังตัณหาของกายนั้น อย่ายกอวัยวะของท่านให้แก่บาป ให้เป็นเครื่องใช้ในการอธรรม แต่จงถวายตัวของท่านแด่พระเจ้า เหมือนหนึ่งคนที่เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว และจงให้อวัยวะของท่านเป็นเครื่องใช้ในการชอบธรรมถวายแด่พระเจ้า เพราะว่าบาปจะมีอำนาจเหนือท่านทั้งหลายต่อไปก็หามิได้ เพราะว่าท่านทั้งหลายมิได้อยู่ใต้พระราชบัญญัติ แต่อยู่ใต้พระคุณ
ขอให้เราทั้งหลายอย่า "ตายทั้งเป็น"
ให้เราตายสิ้นจากความบาป และอย่าตายแบบครึ่งๆกลางๆ


ไม่แปลกที่โลกเราจะมีสีเทา... และหลายๆคนเชื่อว่า ยังไง๊ ยังไง ทุกคนก็ต้องเป็นสีเทา
แต่สำหรับพระเจ้าแล้ว พระองค์ไม่โปรดสีเทาหรอกนะ

สีดำ แม้เพียงน้อยนิดก็ทำให้สีขาวกลายเป็นสีเทาได้...

ให้เราทั้งหลายจำไว้ว่า พระเจ้าไม่ทรงโปรดสีเทา สีแห่งการเจือปนหรอกนะ

แม้จะเล็กน้อยเพียงแค่ไหนก็ตาม เพราะถ้ามันเปื้อน มันก็คือเปื้อน เปื้อน เปื้อน และเจือปน...

สีเทามันไม่งามสง่า มันมอซอ มันดูอมทุกข์ ไม่สมพระเกียรติของพระเจ้าเราหรอกนะ
น้องหยีจะบอกให้!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น