วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

The Box : กล่องเศรษฐี!! เปิดรวยเปิดตาย

Note นี้ มีสปอยล์หนังเรื่องนี้แน่นอน ถ้าไม่คิดจะดูเชิญอ่าน
แต่ถ้าคิดจะดู (และแนะนำให้ดูนะ) ก็ค่อยกลับมาอ่าน

เนื้อเรื่องย่อ



นอร์มา (คาเมร่อน ดิแอซ) และ อาเธอร์ ลูอิส (เจมส์ มาร์สเดน) 2 สามีภรรยาที่ใช้ชีวิตอยู่นอ
กเมือง ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 1 คน และแล้ววันหนึ่งเมื่อพวกเขาได้รับกล่องไม้ปริศนามาเป็นของขวัญ ทั้งคู่ก็เริ่มเห็นสัญญาณอันตราย พร้อมกับการปรากฏของชายลึกลับผู้ให้สัญญาว่าจะมอบเงิน 1 ล้านที่อยู่ในกล่องใบนั้นให้พวกเขาเป็นของขวัญ หากพวกเขาเพียงแค่กดปุ่มเปิดมัน

แต่ทว่าในการกดปุ่มแต่ละครั้ง
ของพวกเขา จะทำให้คนคนหนึ่งบนโลกใบนี้เสียชีวิตลง และพวกเขามีเวลาเพียง 24 ชั่วโมงเท่านั้นในการครอบครองกล่องไม้ปริศนาใบนั้น

ทั้งนอร์มา และ อาเธอร์ ต้องต่อสู้กับศีลธรรมภายในจิ
ตใจว่าจะกดปุ่มเพื่อรับเงิน หรือเลือกที่จะช่วยชีวิตผู้อื่น.



ส่วนต่อไปนี้ คา่ดว่าสปอยล์ทั้งสิ้น
==========================
=================================
==========================
=================================
==========================
=================================
==========================
=================================
==========================
=================================
โปรดอย่าอ่าน ถ้า้คิดจะดู และแนะนำให้ไปดู





หนังเรื่องนี้ไม่ได้สยองขวั
ญขนาดที่คุณทั้งหลายคิดไว้
ขนาดว่า หยีเข้าไปนั่งดูคนเดียวได้ โดยไม่จิกเบาะละกัน
(เป็ฯครั้งแรกที่เลือกเข้าไ
ปดูโดยไม่รู้เรื่องอะไรเลย ว่าเป็นหนังเกี่ยวกับอะไร)

เป็นคุณ คุณจะทำอย่างไร ถ้าจู่ๆ มีกล่องหนึ่งวางไว้ในบ้าน เป็นกล่องที่มีปุ่มกดธรรมดา

แล้วก็มีผู้ชายมายื่นเงืนหน
ึ่งล้านดอลลาร์ให้คุณ แต่มีข้อแม้ว่า คุณต้องกดปุ่มนั้น เพียงแต่ว่า
ถ้าคุณกดปุ่มนั้น แน่นอน คุณได้รับหนึ่งล้านดอลลาร์น
ั้นไปเลยฟรีๆ
แต่ก็จะส่งผลให้"คนที่ไม่รู
้จัก" ตายไปหนึ่งคน

แน่นอน มันคือคนที่คุณไม่รู้จักแน่
เลย

หนังเรื่องนี้ต้องการล้อเล่
นกับศีลธรรมในใจมนุษย์เราเองเนี่ยแหละ
เล่นกับศีลธรรมของพื้นฐาน ง่ายที่สุด แต่ทำยากที่สุด
"ความเห็นแก่ตัว"

"เจ้าของกล่องนั้น" "ผู้จ้างวาน" ได้เสนอทางเลือกให้เราสองทา

"ทำ" เพื่อประโยชน์ส่วนตน ได้ทรัพย์สินเงินทอง เพื่อปรนเปรอเรา เพื่อสิ่งที่จับต้องได้
"ไม่ทำ" เพื่อชีวิตของคนที่เราไม่รู
้ แต่ไม่ได้อะไรที่เป็นรูปธรรม จับต้องไม่ได้



นอร์มา ภรรยา อาจารย์สาว ผู้พิการจากความผิดพลาดเลิน
เล่อของหมอ
อาเธอร์ สามี ผู้หลงใหลในดาวอังคารทำงานท
ี่ NASA
วอลเธอร์ ลูกชายคนเดียว หัวแก้วหัวแหวน หน้าตาหล่อม๊ากกกกกกกกก

ครอบครัวที่อบอุ่น และดูธรรมดา (แค่สามีใฝ่ฝันอยากเป็นนักบิ
นอวกาศ) ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ยอมรับในความจริง
จู่ๆ ก็ต้องมาประสบปัญหาทางด้านก
ารเงิน นอร์มา ถูกอาจารย์ใหญ่ให้ลดอะไรซักอย่าง ตรงนี้จับความไม่ได้เหมือนกัน
อาเธอร์ สอบตกไม่ได้เป็นนักบินอวกาศ
แต่สิ่งที่ร้ายไปว่านั้นคือ เค้าเหมือนโดนลงโทษ ตกในส่วนที่ไม่ควรจะตก
เป็นครอบครัวประเภทคนดีใช้ไ
ด้เลยนะ เพราะว่าต่างก็ปลอบใจซึ่งกันและกัน
นอร์มาที่พิการเพราะความสะเ
พร่าของหมอ ก็ไม่ได้โืทษอะไรมากมาย
อาเธอร์ที่สอบตกนักบิน เพราะข้อสอบจิตวิทยา ก็ไม่ได้ตีอกชกหัว แค่เสียใจและยอมรับความจริง
ขอบคุณพระเจ้าที่อาเธอร์มีน
อร์มา ภรรยาผู้ที่เข้าใจเค้าอยู่

แต่สิ่งที่ยึดมั่นครอบครัวนี้
ไว้ได้ คือ ความรักที่ทั้งสองมีให้แก่กัน
อาเธอร์รักนอร์มามาก ถึงแม้ว่าเธอจะพิการ (ไม่ได้แต่กำเนิด แต่เกิดจากควาามเลินเล่อของ
หมอ)
แต่นอร์มาไม่ได้พิการใจไปด้
วย เธอรักครอบครัวเธอ และสู้กับชีวิตเธอ
มีฉากที่บอกว่า "นอร์มาคงอยู่ไม่ได้ถ้าขาดค
ุณ"
อาเธอร์ตอบว่า "ผมอยู่ไม่ได้ถ้าขาดนอร์มาเ
หมือนกัน"
เฮ้ยย มันเห็นเลยว่าเค้ารักกันมาก
แ่ค่ไหน

ในฉากที่นอร์มาถามนักเรียนใ
นคลาสว่า "นรก คืออะไร" (จำไม่ได้หมด)
นักเรียนบางคนตอบว่า "อยู่ในใจ" หรืออะไรไม่รู้ไม่แน่ใจ
แต่มีเด้กคนหนึ่ง ที่ถามจี้ปมด้อยเธอ ถามเธอว่า "ขาเธอเป็นอะไร"
นรกของเธอที่เธอเจอนั้น คือ การเปิดเผยปมด้อยของเธอต่อห
น้าคนอื่น
นั่นเป็นนรกสำหรับเธอ แต่เธอก็ผ่านจุดนั้นมาได้ โดยการให้นักเรียนคนนั้นได้
เห็นปมด้อยของเธอ

เมื่อเธอกลับมาบ้าน เธอได้เจอกับเจ้าของกล่องนั้
น และได้พบกับข้อเสนอข้างต้น
เธอมีเวลาตัดสินใจ 24 ชั่วโมง ในการกดปุ่มนั้น จนกว่าเจ้าของกล่องจะมารับไ
ป แล้วตั้งโปรแกรมใหม่



นอร์มาได้ปรึกษาเรื่องนี้กั
บอาเธอร์ หนังยังคงไว้ซึ่งความเป็นยุคเก่า ครอบครัวที่ทำอะไรก็มีการตัดสินใจร่วมกัน
ไม่ปล่อยให้ใครตัดสินใจคนเด
ียว มีการปรึกษากันก่อนหน้า
นอร์มา ลังเล อยากได้เงิน แต่อาเธอร์คืิดว่าเรื่องนี้
ไร้สาระ และไม่เชื่อว่าเบื้องหลังเงื่อนไขง่ายๆที่ล้่อเล่นความเป็นความตายของคนนั้นจะมีไม่มีอะไร
ถึงแม้่อาเธอร์จะพยายามลากก
ารตัดสินใจใสห้นอร์มาไม่กดปุ่ม แต่นอร์มาก็พยายามโน้มน้าวอาเธอร์เช่นกัน
ครอบครัวนี้น่ารักนะ ไม่เถียงกันเอาเป็นเอาตาย ต่าก้เคารพการตัดสินใจของกั
นและกัน
อันนี้เป็นจุดหนึ่งที่เราจะ
ไม่เห็นจากครอบครัวสมัยนี้ ที่มักจะเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตายกับการตัดสินใจครั้งหนึ่ง
ที่ต้องการให้เป็นไปตามใจตั
วเอง

แต่ก็อย่างว่าแหละ ใครจะไปเชื่อว่ากล่องไม้เปล
่าๆ ที่ไม่มีกลไกอะไรเลย
จะสามารถสร้างความหายนะให้เ
ค้าและคนอื่นๆได้

สุดท้ายเมื่อเวลามันกระชั้น
ชิดเข้ามาแล้ว นอร์มาและอาเธอร์ไดุ้มานั่งคุยกัน
เพื่อตัดสินใจ เป็นบทสนทนาที่น่ารักมาก
อาเธอร์ถามว่า "จะเอายังไง จะกดหรือไม่กด" ถามประมาณนี้สักพัก แต่ยิ้มๆ ไม่ได้กดดันอะไร
แต่เราก็รู้ได้ว่า มันมีความตึงเครียดแฝงอยู่ ฉับพลัน นอร์มาก็ตัดสินใจที่จะไม่ตอ

อาเธอร์ยังถามไม่จบประโยคดี
นอร์มาก็กดปุ่มนั้น!!!
แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่ม
ดำเนินไปตามกลไกของมัน....



หนังเรื่องนี้เล่นกับเรื่อง
"ชีวืิตที่เป็นของคนอื่น" และ "เงินทองของเรา" อย่างง่ายๆ ซื่อๆ ค่อนข้างทื่อๆเลยทีเดียว
หนังเรื่องนี้ มีคำว่า "Hell" และ "Salvation" เริ่มเอะใจอะไรแล้วใช่มั้ยค
่ะ
แรกๆ เราเข้าใจว่า Nasa มันน่าจะมีอะไรเกี่ยวกับมนุ
ษย์ต่างดาว แต่ด้วย Context อย่างเราแล้ว
เรากลับมามองว่าเรื่องนี้เป
็นเรื่องที่สามารถพูดถึงเรื่องพระเจ้าได้ด้วย
เอาเป็นว่า หนังเรื่องนี้ สามารถมองได้ว่า "นี่เป็นสิ่งที่เหนือมนุษย์
"

ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะดูเป็น
การทดสอบจากพระเจ้า (เราขอเน้นไปเรื่องนี้นะ เพราะเป็นคริสเตียน)
แต่สุดท้ายผลที่ตามมา นั่นก็คือ การเลือกของมนุษย์นั่นเอง
เช่นเดียวกัน พระเจ้าทรงให้เราได้รู้จัก และเรียนรู้จากตัวอย่างในอด
ีตมากมาย
มนุษย์เราก็แค่เลือกเท่านั้
น ว่าจะำทำ หรือไม่ทำ...
เราจะเลือกอยู่ฝ่ายเนื้อหนั
ง (เงินทอง) หรือ ฝ่ายพระวิญญาณบริสุทธิ์ (ชีวิตของคนอื่น)
แน่นอน ที่หลา่ยครั้งเราเลือกที่จะ
รับสิ่งของที่เป็นรูปธรรมมากกว่า
เราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า เงินไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่จะ
ใช้ชีวิตต่อไป
แต่บางครั้ง เมื่อมันมาวางตรงหน้าก็ยากท
ี่จะปฏิเสธ
จึงมีหลายๆครั้งที่เราไม่ได
้ถวายสิบลด หลายๆครั้งที่เราบอกกับพระเจ้าว่า พระเจ้าขา... เงินไม่พอใช้่

"กล่อง" ในที่นี้ก็เป็นการทดสอบตัวเ
ราเอง เหมือนเป็นบททดสอบของจิตใจเราว่า จะเข้มแข็งอดทนต่อสิ่งยั่วยุได้แค่ไหน
การทดสอบเกิดได้กับทุกคนแม้
ว่าคุณจะเป็นคนดีสักแค่ไหน
ครอบครัวนี้ก็เป็นคนดี ส่วนครอบครัวก่อนหน้าที่กดป
ุ่มไป ก็เป็็นคนดีเหมือนกัน
แต่ทั้งสองครอบครัวต่างพ่าย
ต่อจิตใจของตัวเอง ความละโมภโดยไม่ได้คิืดถึงผลต่อไป
แต่อย่างว่าแหละ เงื่อนไขต่อมาหลังจากการกดป
ุ่ม ไม่มีการเตือนไว้ล่วงหน้า ไม่มีใครรู้ถึงผลการกระทำนั้น
แต่เมื่อเกิดผลนัน้ขึ้นมา ทุกคนก็ต้องยอมรับผลนั้นอย่
างไม่น่าสงสัย

เช่ืนเดียวกันหันกลับมามอง เมื่อครอบครัวนี้เลือกที่จะ
กด"ปุ่ม" ซึ่งเป็นเหมือนปุ่มที่เริ่มเรื่อง
Switch on ความละโมภในตัวเรา.... แน่นอน ผลที่เกิดขึ้นคือ มีคนตาย...
แต่สิ่งที่คุณได้ แลกกับชีวิตคนอื่น แน่นอน ชีวิตเราไม่มีใครมีสิทธิ์ที
่จะทำให้ใครตายได้
ใครที่กดปุ่มก็ต้องตายเพราะ
ว่าคนๆนั้นได้ให้กิเลสมาครอบงำจิตใจ
และได้เลือกที่จะกดเพื่อทำล
ายชีวิตของคนอื่นไปแล้ว ดังนั้นจึงต้องชดใช้ชีวิตของคนอื่นด้วยชีวิตของตนเอง
เป็นเพราะว่าเราไม่สามารถห้
ามความต้องการของตัวเราเองได้ ปุ่มนั้นจึงเป็นการ Switch on กลไกนี้
ให้หมุนเวียนไปเรื่อยๆ ไม่มีจบสิ้น

หากเราต้องการที่จะหยุดกลไก
บ้าๆนี้ ก็แค่ไม่ต้องกดปุ่ม ไม่ต้องเริ่ม
ให้มันจบ หยุดความต้องการของตัวเองนี
้ให้่ได้
สิ่งที่ฆ่ามนุษย์ได้มากที่ส
ุด นั่นก็คือ กิเลสตัณหาความอยากต่างๆที่อยู่ในใจเรา
เราเห็นแก่ตัว เราอยากได้ เราอยากให้ตัวเราเองสบาย
นั่นเป็นจุดที่เราเรืิิ่มวั
ฏจักรบ้าๆนี้ ถ้าเราไม่รู้จัก "หายอยาก" ซะที ปัญหาบ้าๆอย่างนี้ก็จะเกิดขึ้นไม่รู้จบ ไม่รู้สิ้น
"กล่อง" นั้นมีมากเหลือเกิน และก็ชวนให้กดเหลือเกิน
เป็นสิ่งที่พระเจ้าต้องการจ
ะสอนเรานี่เอง



มีอ้า้งอิงมาจากบล็อก http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=noon0072&month=11-2009&date=07&group=1&gblog=18 บางส่วน

จาก Q&A ใน BLOG ของเขา เขาจะมองเรื่องนี้ในด้านมนุ
ษย์ต่างดาว แต่เรามองอีกอย่าง จะขอยกๆมาตอบบ้างนะ :):)

1. การที่มีคนชูเลขสอง และมีคนที่ดูเหมือนไร้สติมาพูดกับเราเรื่อยๆ หมายถึงอะไร

-- (ในความคิดเรานะ) --
เป็นการบอกให้เราเชื่อ การที่อาเธอร์เลือกประตูที่
2 เพราะว่าเชื่อนี่ ก็หมายถึงว่า การเชื่อพระเจ้าของเราก็จะพาไปสู่หนทางของความรอดได้
ตอนที่อาเธอร์ยืนอยู่หน้าปร
ะตูสามอย่าง ตัวเมีย Stewart บอกว่า (ชื่อไรจำไม่ได้) ทางรอดมีทางเดียวเท่านั้น!!!
"เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้ นอกจากจะมาทางเรา" ยอห์น 14:6
พระคำข้อนี้เด้งขึ้นมาทันที
เมื่อถึงฉากนี้ เราเลยเข้าใจว่า การเชื่อพระเจ้านี่หมายถึงการรอด
โดยหลายๆครั้่ง พระเจ้าได้ตรัสผ่านเราผ่านค
นอื่นๆ หรือแม้แต่เสียงที่เกิดขึ้นในใจเราเอง
เพื่อให้เราตัดสินใจว่า จะ "เชื่อ" หรือ "ไม่เชื่อ",,,, "ทำ" หรือ "ไม่ทำ" เท่านั้นเอง
ถ้าเราเชื่อ เราก็รอด ใครจะไปเชื่อว่าโอกาสที่จะเ
ลืือกประตูถูกมีแค่ 1 ใน 3
แต่เพราะว่าเขาเชื่อ นั่นแล ก็เลยรอดมาได้อย่างหวุดหวิด


2. ตอนท้ายก็ต้องรอด มาเล่นเกมตัดสินสุดท้ายเกมที่เลือก ระหว่างพิการกับ ความตายของคนกด

-- (ในความคิดเรานะ) --
สำหรับเราว่านะ ที่ต้องเลือกเพราะว่า
ไม่ว่าอย่างไร ถ้าเวลาแห่งการตัดสินมาถึงแ
ล้ว ไม่มีทางที่เราจะย้อนไปได้อีก
เราต้องยอมรับของสิ่งที่เรา
ได้ทำไป ไม่ว่าอย่างไร ผลที่ตามมาม้ันอาจจะแย่ก็ได

แต่ถ้ามองเรื่องให้ลูกพิการ
ก็เพราะว่า ต้องการให้เรามองว่า ไม่อย่างไร
พ่อแม่ก็ไม่สามารถเห็นลูกทร
มานได้...
พระเจ้าก็เช่นกัน เราเปํนคนบาปที่ยังหูหนวก ตาบอดอยู่ พระเ้จ้าไม่สามารถทนเห็นเรา
ในสภาพนัน้ได้อย่างแน่นอน
พระองค์ฺจึงได้ส่งพระเยซูมา
เพื่อช่วยให้เรามองเห็น และฟังได้
พระเยซูเป็นบุตรพระเจ้าที่พ
ระองค์ทรงรักมา พระองค์ยังทรงยอมส่งให้พระเยซูมาตายแทนเรา
พระองค์เป็นบิดาที่เสียสละแ
ค่ไหน
สำหรับเราแล้ว... พระเจ้ืาของเรา ไม่ต่างอะไรกับอาเธอร์ที่้ต
้องลั่นไกเพื่อปลืิดชีวิตของคนที่เค้ืารักมากกก เพื่อแลกกับลูกชายให้หายเป็นปกติ...
เราเป็นดั่งวอลเธอร์ ซึ่งเป็นลูกชายสุดรักสุดหวง
ของ "อาเธอร์ (พระเจ้า)" และ "นอร์มา (พระเยซู)"
ืทั้งคู่รักเรามาก ขนาดยอมตายอ่ะ เข้าใจป่ะ? เพื่อแค่ให้เราเป็นปกติให้ห
ลุดพ้นจากบาป!!!
แค่ภาวะตอนนั้นนะ ไม่ใช่ว่าพระเยซูเป็นคนกดปุ
่มนะ >.<
ลูกชายน่ารักขนาดนี้ ยอมหรอ?


3. จงตามแสงสว่างไป

อ่ะะ อันนี้ไม่มีอะไรเลย ดั่งพระคัมภีร์เลย พระเยซูทรงเป็นแสงสว่างนำทา
งชีวิตเรา
ให้เราตามแสงสว่างนั้น เราก็จะรอด ไม่มีอะไรที่เข้าใจยาก ใช่มัยคะ??? :):)


อีกเรื่องสำหรับเราคือ เราคิดว่าการที่เค้าเอาเรื่
อง NASA มาเล่น
เพราะเราว่าเค้าต้องการที่จ
ะเอาเรื่องสองเีรื่อง ศาสนา กับ วิทยาศาสตร์ ทีเ่ป็นปรปักษ์กันมารวมไว้ในเรื่องเดียวกัน
เพราะเรารู้ได้เลยว่า เรืองนี้สามารถมองได้สองแง่
เลย ไม่วิทย์ ก็ศาสนาสุดๆ
อย่างที่บอก ก็แล้วแต่บริืบทของคนนั่นเอ
ง...

โว้ววววววววววววว ยาวม๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
กกกกกกก


ถ้าอยากไปดูก็ไปดูกันนะ เข้าใจง่าย ตรงๆดี ไม่มีอะไรซับซ้อน ไม่ได้น่ากลัวจัดๆขนาดนั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น