"Yesterday ends last night, tomorrow hasn't come yet"
"Today is the matter"
เป็นสองประโยคแรก ที่ทำให้หยีได้สติในวันนี้ หลังจากอึนๆตั้งแต่เข้าโบสถ ์
วันนี้ไปโบสถ์ด้วยสภาพอึนเต ็มร้อย เบลอสุดๆ และโทรมสุดๆ
พระเจ้ายังน่ารักเช่นเดิม ที่ได้ืทรงส่งหมอจี๊ดมาพูดค ุยกับเรา...
วันนี้หมอจี๊ด ได้มาเทศนาเรื่อง "สุขกันเถอะเรา"
ไม่รู้สิ รู้สึกว่าข้อเทศนาวันนี้ ไม่จำเป็นแค่เฉพาะคริสเตียน เท่านั้น
แต่ผู้ที่ไม่ได้เชื่อ ก็สามารถเป็นข้อคิืดได้
เรื่องนี่ค่อนข้าง Neutral and Natural นะ... ทุกคนเข้าใจได้ และควรนำไปทำ
หมอจี๊ดเล่า (เทศนา) ให้เราฟังว่า...
ความสุขจริงๆแล้ว มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับพระเจ้ า
หลายๆคนที่ไม่ได้เป็นคริสเต ียน เขาก็มีความสุขได้
และเช่นเดียวกัน คริสเตียนบางคนก็ไม่ได้มีคว ามสุขเมื่อเขามาเป็นคริืสเต ียน
ชีวิตของเขายังพบความยากลำบ ากอยู่เหมือนกัน
บางคนอ้่างว่า เขารับใช้พระเจ้า แล้วเหตุใด? ทำไมเขาถึงยังมีความทุกข์อย ู่?
ไม่มีบอกไว้ในไบเบิ้ลซักหน่ อย.. ว่า รับใช้พระเจ้าแล้ว พระเจ้ืาจะต้องตอบแทนเราด้ว ยความสุข?
ทุกคนชอบใช้คำถามว่า "Why ทำไมถึงต้องเกิดกับฉัน?" "What เกิดอะไรขึนกับฉัน"
What? What? Why? Why?
Why? What? Why What กันอยุ่นั่น ถ้าเรามัวแต่เกิดคำถามแบบนี ้ต่อไปเรื่อยๆ
ต่อไปก็จะ What-Why (วอด-วาย) กันไปเอง...
ความสุข มันขึ้นอยู่กับตัวเรานี่เอง ...
หลายๆคนใช้ชีวิตไม่เป็นสุข ก็เพราะเนื่องจากว่า กังวล...
บางคนกังวลถึงอนาคตที่ยังมา ไม่ถึง และเรายังไม่รู้ว่ามันจะมาถ ึงหรือเปล่า?
บางคนกังวล และนั่งเศร้ากับอดีตที่ผ่าน ไปแล้ว ซึ่งแก้อะไรไม่ได้
เราใช้เวลาของปัจจุบัน "วันนี้" กังวลถึงอนาคต "วันพรุ่งนี้" และอดีต "เมื่อวานนี้"
ใน ฟีลิืปปี 3:13 อ.เปาโลบอกไว้ว่า
"พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่าข้าพเจ้าไ ด้ฉวยไว้ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือ
ลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสี ย และโน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อย ู่ข้างหน้า"
สืิ่งที่อ.เปาโลทำคือ การลืมความทรงจำ และความรู้สึกที่ไม่ดัในอดี ต ที่ "จบไปแล้ว"
และอ.เปาโลเพียง "โน้มตัว" ไปข้างหน้า นั่นหมายถึง ท่านยังคงอยู่กับปัจจุบัน ในคำว่า"โน้มตัว" ไม่ใช่คำว่าก้าวออกไป
บางที การลืม แบบ ดอรี่ ในเรื่อง นีโม่ ก็ดูเป็นเรื่องที่ดีสำหรับบ างคนเหมือนกัน
การวางแผนสำหรับอนาคตเป็นเร ื่องที่ดี แต่เราไม่ควรจะไปกังวลถึงมั น
สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับอนาคต ของเรา นั่นก็คือ การทำวันนี้ให้ดีที่สุด
เพราะในหลายๆครั้ง เราหวังว่า พรุ่ืงนี้จะดีขึ้น"เอง" ก็เลยไม่ได้ทำวันนี้ให้ดี
แต่อย่างที่รู้ๆกันว่า ถ้าเริ่มต้นไม่ดี แล้วต่อไปมันจะดีได้อย่างไร
ไม่แปลก ที่จะมีหลายๆคนที่ชอบพูดว่า "ทำวันนี้ให้ดีที่สุด" แต่ไม่เคยเข้าใจมัน และที่สำคัญคือ
ไม่ได้คิดที่จะทำมันจริงๆเล ย
ในบทอธิษฐานของคริสเตียน มีคำว่าื "ขอทรงโปรดประทานอาหารประจำ วัน"
นั่นพระเ้จ้าหมายถึง ให้เราใช้ชีวิตโดยคำนึงถึงแ ต่ละวันไป
พระเจ้าต้องการให้เราติดสนิ ทกับพระองค์มากขึ้นๆ ในแต่ละวัน
และต้องการให้เราอธิษฐานทุก วีัน เพื่อขออาหาร"ประจำวัน" ในแต่ละวัน
ไม่เคยได้ยินใครเหมือนกันที ่อธิษฐานขอ อาหารประจำวันใน"ทุกๆวัน"
พระเจ้าไม่ได้ต้องการให้เรา โลภขั้น "advance" ขนาดนั้น
เพียงแต่ใช้ชีวิตในวันแต่ละ วันให้ดีที่สุด
มัทธิว 6:34 เหตุฉะนั้น อย่ากระวนกระวายถึงพรุ่งนี้ เพราะว่าพรุ่งนี้ก็จะมีการก ระวนกระวายสำหรับพรุ่งนี้เอ ง แต่ละวันก็มีทุกข์พออยู่แล้ ว
ไม่ต้องอธิบายอะไรมากสำหรับ พระคำข้อนี้ ได้ยินบ่อยๆ และท่องจำ
ที่าสำคัญคือ มัน Clearly by itself แล้วด้วย
พรุ่งนี้มันยังมาไม่ถึง ถ้ามันจะเสียหายก็ยังไม่มีอ ะไรเสียหาย
ดังนั้น อย่าเพืิ่งไปกังวลถึงมัน
เราจริงจังกับอนาคตได้ แต่อย่า "กังวล" อย่าไปครุ่นคิดวิตกถึงมันมา กนั้น
มันเป็นผลเสียกับตัวเรามากก ว่า
โดยสรุปแล้ว หมอจี๊ด ให้วืิธีการใช้ชีวิตอย่างมี ความสุขมา 4 วิธี นั่นก็คือ
1. จงมีชีวิตอยู่ในห้องที่มีแต ่วันนี้
อย่างที่เราบอกไป ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับชีวิ ตในวันข้างหน้า
อย่าไปหวังว่า ซักวันจะดีขึ้นเอง
ขอโทษนะคุณ แม้แต่พระเจ้าก็ช่วยให้คุณก ้าวเดินไม่ได้ ถ้าคุณไม่คิดจะยกขาเดิน
ตัวอย่างที่พี่ไบรท์ได้แบ่ง ปันกับเราในเซลล์ค่อนข้ืางช ัด นั่นก็คือ
"เหมือนเรารู้ว่าเราจะเลือก เสื้อใส่ตัวไหน แต่เราบอกพระเจ้าว่า เราจะใส่เสื้อตัวนี้ีแต่ยืน เฉยๆ
เราจะได้ใส่มั้ยวันนี้ื "
เออ... ก็จริง
2. อย่าวิตกถึงวันพรุ่งนี้
เพราะพรุ่งนี้ยังมาไม่ถึง.. .. และเราก็ไม่มีทางรู้ด้วย ว่ืาเราจะได้อยู่ดูตะวันขึ้ นในวันพรุ่งนี้ด้วยหรือเปล่ า?
สำหรับคริสเตียน... ใ้ห้วางใจในพระเจ้า เพราะพระเจ้าจะเตรียมสิ่งที ่ดีที่สุดไว้ให้เราเสมอ
สำหรับคนที่ไม่ใช่คริสเตียน ... ถ้าเราเตรียมตัวมาดี? แล้วจะกังวลถึงวันพรุ่งนี้ไ ปทำไม?
แต่ถ้าเตรียมตัวมาไม่ดี เริ่มตั้งแต่วินาทีนี้ก็ยัง ไม่สายเกินไป...
ถ้าคิดมากอีก ให้ลองอธิษฐานดู แล้วพระเจ้าจะช่วยเหลือคุณ. ..
3. ยุทธวืิธี : ทรายผ่านทีละเม็ด ปฏิบัติการทีละอย่าง
ให้เราค่อยๆทำไปทีละอย่าง เหมือนนาฬิกาทรายที่ทรายไหล ผ่านทีละเม็ด
ในบางครั้ง สิ่งที่เราทำมันดูมีเยอะเหล ือเกิน แต่ถ้าเรามัวแต่ตระหนกตกใจ
ไม่รู้ว่าควรจะทำสิ่งไหนก่อ น สิ่งไหนหลัง สุดท้าย เวลาก็หมดไปโดยที่ยังไม่ได้ ทำอะไรเลย
ให้เราเลือกที่จะทำไปก่อน ทำสิ่งไหนก็ได้ แต่ทำทีละอย่างเท่านั้น...
หมอจี๊ดยกตัวอย่างให้ฟังถึง เรื่องของการต่อนิ้ว..
ถ้าหมอมัวแต่มองว่า เฮ้ยการผ่าตัด ต่อนิ้ว มันเป็นเรื่องใหญ่ ต้องทำนู่น ทำนี่ หลายขั้น (ไม่ได้อยู่กับปัจจุบัน)
หมอก็คงเหนื่อย และไม่อยากทำ
แต่หมอจี๊ดใช้ยุทธวิธีนี้ โอเค ทำไปทีละอย่าง... และระหว่างที่ทำขั้นแรก ก็ไม่คิดถึงขั้นสอง
ทำความสะอาดแผล ก็ทำไป ไม่คิดว่าข้างหน้าต้องทำอะไ รที่ยุ่งยากกว่านี้
พอเสร็จขั้นแรก ก็ืทำขั้นสอง ทำไปทีละอย่าง ทีละขั้น
จนสุดท้าย การผ่าตัดก็เสร็จได้ด้วยดี แม้จะใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมงครึ่ง...
4. คิดถึงผลที่ร้ายแรงมากที่สุ ด
ให้เราคิดถึงสภาพการณ์อย่าง ไม่หวั่น และมองอย่างความเป็นจริงด้ว ยนะ
ดูว่าในสภาพการณ์นั้นจะทำคว ามเสียหายร้ายแรงที่สุดให้เ ราได้แค่ไหน
ให้เราคำนวนถึงผลเสียดายที่ ากที่สุด และยอมรับมัน
มัน่ไม่ใช่้การบั่นทอนกำลัง ใจตัวเอง...
มันเป็นการ (เราเรียกว่า) Self-Protection อย่างหนึ่งนะ เราว่า
อย่างมากก็แค่... อย่างมากก็แค่...
แต่ไม่ใช่การปลงนะ.... จากนั้นสิ่งที่เราต้องทำต่อ มาก็คือ...
การลองทำ ลองทำดูก็ไม่เสียหายนีื่ ผลที่ร้ายแรงอย่างมากสุดก็แ ค่...
ถ้าเรารู้ว่าผลที่ร้ายที่สุ ดของมันเป็นยังไง เราก็ยอมรับได้
แต่ให้เราพยายามลองทำดูไปก่ อน มันก้ไม่เสียหายอะไรนี่ อย่างมากก็แค่...
หมอจี๊ดเล่าเรื่องคนไ้ที่อา จต้องตัดขาให้เราฟัง
หมอจี๊ดบอกว่า คนไข้รายนี้ หมอหลายๆคนลงความเห็นว่า ให้ตัดขา
หมอจี๊ดบอกว่า คนไข้รายนี้ ผลที่ร้ายแรงทีสุด คือ ตัดขา
แต่ขอลองก่อนได้ไหม? ลองรักษาหลายๆวิธีดูว่า มีวิธีไหนที่เขาจะดีขึ้นได้ บ้าง ลองดูื เพราะอย่างมากก็แค่ตัดขา..
สุดท้ายแล้ว หมอจี๊ดได้ลองรักษาโดยการเอ าหนังแท้เทียมมาติด ขอบคุณพระเจ้าที่แผลของคนไข ้ดีึขึ้น
และไม่ต้องตัดขา....
ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้เราได ้อะไรดีๆจากการเทศนา แม้ว่าสติเราจะไม่เต็มวันนี ้ 555
แต่พระเจ้าเตรียมทางเลือกไว ้ให้เสมอ
สำหรับหยีแล้ว นี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าเืตือ นเกี่ยวกับทั้งเรื่องงาน และเรื่องอนาคตทืี่หยีโคดจะ กังวลในตอนนี้
รวมถึงเพื่อนๆหลายๆคนด้วย.. .
การเริ่มส่งใบสมัครงาน สำหรับเรา
นี่เป็นการยกเท้าก้าวแรกที่ ส่งผลต่อไปยังอนาคตที่เรายั งไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร
ผลที่ออกมาต่อไปจะเป็นยังไง เราไม่รู้ และเราจะไม่กังวลถึงมัน
เพราะพระเจ้าจะเตรียมสิ่งที ่ดีที่สุดให้ักับเราเสมอ...
เราเชื่อว่า พระเจ้าจะเลือกงานที่เหมาะส มที่สุดให้เรา ในบรรดาที่เราส่งไป...
อย่างมากก็แค่ไม่ได้งาน เพราะพระเจ้าคิดว่าไม่เหมาะ สม...
แต่ถ้าเรานั่งเฉยๆ ไม่ทำอะไร? พระเจ้าก็คงหางานให้เราทำงา นไม่ได้หรอก จริงมั้ย?
"Today is the matter"
เป็นสองประโยคแรก ที่ทำให้หยีได้สติในวันนี้ หลังจากอึนๆตั้งแต่เข้าโบสถ
วันนี้ไปโบสถ์ด้วยสภาพอึนเต
พระเจ้ายังน่ารักเช่นเดิม ที่ได้ืทรงส่งหมอจี๊ดมาพูดค
วันนี้หมอจี๊ด ได้มาเทศนาเรื่อง "สุขกันเถอะเรา"
ไม่รู้สิ รู้สึกว่าข้อเทศนาวันนี้ ไม่จำเป็นแค่เฉพาะคริสเตียน
แต่ผู้ที่ไม่ได้เชื่อ ก็สามารถเป็นข้อคิืดได้
เรื่องนี่ค่อนข้าง Neutral and Natural นะ... ทุกคนเข้าใจได้ และควรนำไปทำ
หมอจี๊ดเล่า (เทศนา) ให้เราฟังว่า...
ความสุขจริงๆแล้ว มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับพระเจ้
หลายๆคนที่ไม่ได้เป็นคริสเต
และเช่นเดียวกัน คริสเตียนบางคนก็ไม่ได้มีคว
ชีวิตของเขายังพบความยากลำบ
บางคนอ้่างว่า เขารับใช้พระเจ้า แล้วเหตุใด? ทำไมเขาถึงยังมีความทุกข์อย
ไม่มีบอกไว้ในไบเบิ้ลซักหน่
ทุกคนชอบใช้คำถามว่า "Why ทำไมถึงต้องเกิดกับฉัน?" "What เกิดอะไรขึนกับฉัน"
What? What? Why? Why?
Why? What? Why What กันอยุ่นั่น ถ้าเรามัวแต่เกิดคำถามแบบนี
ต่อไปก็จะ What-Why (วอด-วาย) กันไปเอง...
ความสุข มันขึ้นอยู่กับตัวเรานี่เอง
หลายๆคนใช้ชีวิตไม่เป็นสุข ก็เพราะเนื่องจากว่า กังวล...
บางคนกังวลถึงอนาคตที่ยังมา
บางคนกังวล และนั่งเศร้ากับอดีตที่ผ่าน
เราใช้เวลาของปัจจุบัน "วันนี้" กังวลถึงอนาคต "วันพรุ่งนี้" และอดีต "เมื่อวานนี้"
ใน ฟีลิืปปี 3:13 อ.เปาโลบอกไว้ว่า
"พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่าข้าพเจ้าไ
ลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสี
สืิ่งที่อ.เปาโลทำคือ การลืมความทรงจำ และความรู้สึกที่ไม่ดัในอดี
และอ.เปาโลเพียง "โน้มตัว" ไปข้างหน้า นั่นหมายถึง ท่านยังคงอยู่กับปัจจุบัน ในคำว่า"โน้มตัว" ไม่ใช่คำว่าก้าวออกไป
บางที การลืม แบบ ดอรี่ ในเรื่อง นีโม่ ก็ดูเป็นเรื่องที่ดีสำหรับบ
การวางแผนสำหรับอนาคตเป็นเร
สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับอนาคต
เพราะในหลายๆครั้ง เราหวังว่า พรุ่ืงนี้จะดีขึ้น"เอง" ก็เลยไม่ได้ทำวันนี้ให้ดี
แต่อย่างที่รู้ๆกันว่า ถ้าเริ่มต้นไม่ดี แล้วต่อไปมันจะดีได้อย่างไร
ไม่แปลก ที่จะมีหลายๆคนที่ชอบพูดว่า
ไม่ได้คิดที่จะทำมันจริงๆเล
ในบทอธิษฐานของคริสเตียน มีคำว่าื "ขอทรงโปรดประทานอาหารประจำ
นั่นพระเ้จ้าหมายถึง ให้เราใช้ชีวิตโดยคำนึงถึงแ
พระเจ้าต้องการให้เราติดสนิ
และต้องการให้เราอธิษฐานทุก
ไม่เคยได้ยินใครเหมือนกันที
พระเจ้าไม่ได้ต้องการให้เรา
เพียงแต่ใช้ชีวิตในวันแต่ละ
มัทธิว 6:34 เหตุฉะนั้น อย่ากระวนกระวายถึงพรุ่งนี้
ไม่ต้องอธิบายอะไรมากสำหรับ
ที่าสำคัญคือ มัน Clearly by itself แล้วด้วย
พรุ่งนี้มันยังมาไม่ถึง ถ้ามันจะเสียหายก็ยังไม่มีอ
ดังนั้น อย่าเพืิ่งไปกังวลถึงมัน
เราจริงจังกับอนาคตได้ แต่อย่า "กังวล" อย่าไปครุ่นคิดวิตกถึงมันมา
มันเป็นผลเสียกับตัวเรามากก
โดยสรุปแล้ว หมอจี๊ด ให้วืิธีการใช้ชีวิตอย่างมี
1. จงมีชีวิตอยู่ในห้องที่มีแต
อย่างที่เราบอกไป ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับชีวิ
อย่าไปหวังว่า ซักวันจะดีขึ้นเอง
ขอโทษนะคุณ แม้แต่พระเจ้าก็ช่วยให้คุณก
ตัวอย่างที่พี่ไบรท์ได้แบ่ง
"เหมือนเรารู้ว่าเราจะเลือก
เราจะได้ใส่มั้ยวันนี้ื "
เออ... ก็จริง
2. อย่าวิตกถึงวันพรุ่งนี้
เพราะพรุ่งนี้ยังมาไม่ถึง..
สำหรับคริสเตียน... ใ้ห้วางใจในพระเจ้า เพราะพระเจ้าจะเตรียมสิ่งที
สำหรับคนที่ไม่ใช่คริสเตียน
แต่ถ้าเตรียมตัวมาไม่ดี เริ่มตั้งแต่วินาทีนี้ก็ยัง
ถ้าคิดมากอีก ให้ลองอธิษฐานดู แล้วพระเจ้าจะช่วยเหลือคุณ.
3. ยุทธวืิธี : ทรายผ่านทีละเม็ด ปฏิบัติการทีละอย่าง
ให้เราค่อยๆทำไปทีละอย่าง เหมือนนาฬิกาทรายที่ทรายไหล
ในบางครั้ง สิ่งที่เราทำมันดูมีเยอะเหล
ไม่รู้ว่าควรจะทำสิ่งไหนก่อ
ให้เราเลือกที่จะทำไปก่อน ทำสิ่งไหนก็ได้ แต่ทำทีละอย่างเท่านั้น...
หมอจี๊ดยกตัวอย่างให้ฟังถึง
ถ้าหมอมัวแต่มองว่า เฮ้ยการผ่าตัด ต่อนิ้ว มันเป็นเรื่องใหญ่ ต้องทำนู่น ทำนี่ หลายขั้น (ไม่ได้อยู่กับปัจจุบัน)
หมอก็คงเหนื่อย และไม่อยากทำ
แต่หมอจี๊ดใช้ยุทธวิธีนี้ โอเค ทำไปทีละอย่าง... และระหว่างที่ทำขั้นแรก ก็ไม่คิดถึงขั้นสอง
ทำความสะอาดแผล ก็ทำไป ไม่คิดว่าข้างหน้าต้องทำอะไ
พอเสร็จขั้นแรก ก็ืทำขั้นสอง ทำไปทีละอย่าง ทีละขั้น
จนสุดท้าย การผ่าตัดก็เสร็จได้ด้วยดี แม้จะใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมงครึ่ง...
4. คิดถึงผลที่ร้ายแรงมากที่สุ
ให้เราคิดถึงสภาพการณ์อย่าง
ดูว่าในสภาพการณ์นั้นจะทำคว
ให้เราคำนวนถึงผลเสียดายที่
มัน่ไม่ใช่้การบั่นทอนกำลัง
มันเป็นการ (เราเรียกว่า) Self-Protection อย่างหนึ่งนะ เราว่า
อย่างมากก็แค่... อย่างมากก็แค่...
แต่ไม่ใช่การปลงนะ.... จากนั้นสิ่งที่เราต้องทำต่อ
การลองทำ ลองทำดูก็ไม่เสียหายนีื่ ผลที่ร้ายแรงอย่างมากสุดก็แ
ถ้าเรารู้ว่าผลที่ร้ายที่สุ
แต่ให้เราพยายามลองทำดูไปก่
หมอจี๊ดเล่าเรื่องคนไ้ที่อา
หมอจี๊ดบอกว่า คนไข้รายนี้ หมอหลายๆคนลงความเห็นว่า ให้ตัดขา
หมอจี๊ดบอกว่า คนไข้รายนี้ ผลที่ร้ายแรงทีสุด คือ ตัดขา
แต่ขอลองก่อนได้ไหม? ลองรักษาหลายๆวิธีดูว่า มีวิธีไหนที่เขาจะดีขึ้นได้
สุดท้ายแล้ว หมอจี๊ดได้ลองรักษาโดยการเอ
และไม่ต้องตัดขา....
ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้เราได
แต่พระเจ้าเตรียมทางเลือกไว
สำหรับหยีแล้ว นี่เป็นสิ่งที่พระเจ้าเืตือ
รวมถึงเพื่อนๆหลายๆคนด้วย..
การเริ่มส่งใบสมัครงาน สำหรับเรา
นี่เป็นการยกเท้าก้าวแรกที่
ผลที่ออกมาต่อไปจะเป็นยังไง
เพราะพระเจ้าจะเตรียมสิ่งที
เราเชื่อว่า พระเจ้าจะเลือกงานที่เหมาะส
อย่างมากก็แค่ไม่ได้งาน เพราะพระเจ้าคิดว่าไม่เหมาะ
แต่ถ้าเรานั่งเฉยๆ ไม่ทำอะไร? พระเจ้าก็คงหางานให้เราทำงา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น