เห็นพระหัตถ์พระเจ้า
มีเรื่องไม่น่าเชื่อมาเล่าให้ฟังอีกแล้วค่ะ ^^ เป็นประสบการณ์ระหว่างหยีกับพระเจ้าอีกครั้ง
ช่วงหลังๆนี้ เจองานเข้าไปเยอะๆ ก็ยอมรับเลยว่า อ่อนการเฝ้าเดี่ยวไปบ้างอะไรบ้าง
อ่านพระคัมภีร์ขาดบ้างนิดหน่อย ด้อยกำลังในเรื่องอธิษฐาน
และแอบรู้สึกนิดๆว่า รู้สึกห่างๆกับพระเจ้ามากกว่าเดิมนิดหน่อย
มีเรื่องที่ทำผิดบ้าง อะไรบ้าง ทำให้ึความรู้สึกผิดยังหลงเหลือในใจ
(แปลกนะที่เวลาเราทำอะไรผิด เรามักจะรู้สึกห่างจากพระเจ้า
ทั้งๆที่เป็นเวลาที่พระเจ้าต้องการให้เราอยู่ใกล้ที่สุด)
แต่หลังจากหยีเึคยเป็นประสบการณ์นี้บ่อยๆ วิธีรับมือคือ ตัดสินใจหยิบพระคัมภีร์มาอ่าน
คุยกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ คริสเตียน และพยายามอธิษฐานขอพระเจ้ากลับมาสัมผัสเรามากขึ้น
วันนี้ก็ได้คุยกับพี่อ๋อง แล้วก็มีเรื่องที่หยีเคยบอกคนอื่นๆไว้ว่า
พระเจ้ายังไม่ได้เรียกหยี เพราะพระเจ้าต้องการใช้ให้หยีอยู่ข้างนอก
พระเจ้า Put หยีไว้ตรงนี้ เพราะพระเจ้ามีเหตุผลอะไรบางอย่างที่ต้องการให้หยีทำ
เหตุผลอะไรนั้น หยีก็ยังไม่รู้ และหยีก็ไม่เคยถามพระเจ้า
หยีเคยรู้สึกว่า การอยู่ข้างนอก (อยู่กับคนที่ไม่ได้เป็นคริสเตียนเลย) เราจะรู้สึกไม่ค่อยอุ่นใจเท่าไหร่
รู้สึกว่ามันไม่ปลอดภัย มัน Rocky
แต่แล้ว คำถามทีเ่กิดขึ้นกับหยีในตอนนั้นคือ...
แล้วถ้ามันไม่ Rocky มันไม่ปลอดภัยจริงๆ พระเจ้าจะยอมปล่อยให้ลูกของพระเจ้ามาอยู่ในที่แบบนี้หรือ?
ด้วยความรักของพระองค์ หยีรู้คำตอบได้ทันทีว่า ไม่มีทาง
พระเจ้ามี "เหตุผล" ในการเลือกที่จะวางหยีไว้ข้างนอก
พระองค์ต้องการให้หยีอยู่ข้่างนอก เพื่อเผชิญกับ"โลก"
กลับมานั่งคิดๆดูตั้งแต่เป็นนักเรียน นักศึกษา ที่อยู่โบสถ์ และหลงหายไป และได้กลับมาอีก
พระเจ้าต้องการให้หยีใช้ชีวิตหยี (ในตอนนี้) อยู่ข้างนอก เพื่อเปลี่ยนแปลง เพื่อเป็นพยานผ่านทางชีวิตของหยี
หยีอาจรู้สึกกลัวบ้าง ไม่มั่นคงในบางครั้ง เบื่อ และขี้เกียจที่จะต้องสู้รบรา ประมือกับคนข้างนอก
แต่หยีก็พยายามคิดเสมอว่า พระเจ้าเลือกทางที่เหมาะสมให้หยีเสมอ
หยีบ่น หยีท้อ แต่หยีก็ไม่เคยต่อว่าพระเจ้า...
เพราะหยีรู้ว่า พระองค์มีน้ำพระทัยที่ดี และแผนการสำหรับชีวิตหยีเสมอ
หยีบอกพี่อ๋องว่า หยีรู้ แต่หยีก็ยังรู้สึกบ้าง อะไรบ้าง
หยีก็ยังเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่พยายามจะดีขึ้นในทุกๆวัน
แต่กราฟชีวิตก็ไม่ได้มีแค่พุ่งขึ้นอย่างเดียวแค่นั้น
พอกลับมาบ้านวันนี้ หยีตั้งใจอธิษฐานมากขึ้น และหยีอธิษฐานขอการทรงนำกับพระเจ้า
หยีขอพระหัตถ์พระเจ้าที่จะดึงชีวิตหยีให้อยู่ใกล้ชิดกับพระองค์มากกว่าเดิม
หยีขอฝากชีวิตอยู่ใน"พระหัตถ์พระเจ้า" แล้วหยีก็ต้องตกใจเมื่อหยีได้อ่านหัวข้อ "มานาประจำวัน" วันนี้
"เห็นพระหัตถ์พระเจ้า"
http://www.rbcthailand.org/odb/2010/09/06/เห็นพระหัตถ์พระเจ้า/
หยีอึ้งไปนิดหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ได้อ่านเนื้อหา
หยีเปิดพระคัมภีร์ เอสรา 7:1-10,27-28 อ่านตามที่มานาให้ไว้
หยีรู้สึกตกใจที่พระเจ้ารู้ว่า หยีอธิษฐานทูลขออะไร พระเจ้าตอบหยีทุกๆครั้งที่อธิษฐาน
"7:6 เอสราคนนี้ได้ขึ้นไปจากบาบิโลน ท่านเป็นธรรมาจารย์ชำนาญในเรื่องพระราชบัญญัติของโมเสส ซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลประทานให้ และกษัตริย์ประทานทุกอย่างที่ท่านทูลขอ เพราะว่าพระหัตถ์ของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านอยู่กับท่าน"
"7:10 เพราะเอสราได้ตั้งใจของท่านที่จะแสวงหาพระราชบัญญัติของพระเยโฮวาห์ และกระทำตาม และสอนกฎเกณฑ์และคำตัดสินต่างๆในอิสราเอล"
"7:27 สาธุการแด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเรา ผู้ทรงดลพระทัยของกษัตริย์ ให้เสริมความงามแก่พระนิเวศของพระเยโฮวาห์ซึ่งอยู่ในเยรูซาเล็ม
7:28 และทรงบันดาลให้ข้าพเจ้ามีความเมตตาต่อพระพักตร์กษัตริย์ และที่ปรึกษาของพระองค์ และต่อหน้าเจ้านายผู้ทรงอำนาจของกษัตริย์ และข้าพเจ้าก็มีใจกล้าขึ้น เพราะพระหัตถ์ของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพเจ้าอยู่กับข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้รวบรวมบุคคลชั้นผู้นำจากอิสราเอลขึ้นไปกับข้าพเจ้า"
ในมานาได้กล่าวถึงคำพูดของ แจ็ค เบอร์เดนว่า
"“ผมเชื่อมั่นว่าพระหัตถ์ของ พระเจ้าอยู่เหนือทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
พระองค์ทรงให้ผมมีชีวิตยืนยาว เพื่อเหตุผลบางประการ ผมพยายามทำสิ่งที่ผมคิดว่าพระองค์ต้องการให้ทำ"
ไม่อยากเชื่อ และหยีไม่ได้ตู่ นี่เป็นคำพูดที่หยีเคยพูดกับหลายๆคนตลอดเวลา
อาจจะไม่ได้ตรงเป๊ะตามที่มานาพูด แต่ใจความเดียวกัน
พระเจ้ากำลังยืนยันให้หยีรู้ว่า หยีคิดถูก...
พระเจ้าวางหยีไว้ตรงนี้ ณ โลกภายนอก เพื่อเหตุผลบางประการ และหยีก็จะพยายามทำตามน้ำพระทัยของพระองค์นั้น
แม้หยีจะยังไม่รู้แน่ชัดว่า สิ่งนั้นคืออะไร แต่หยีก็จะพยายามดำเนินชีวิตไปกับพระเยซูเจ้าให้มากขึ้นทุกๆวัน
และติดสนิทกับพระองค์ให้มากขึ้น ให้พระเจ้าเป็นเสียงหนึ่ง เสียงแรก และเสียงเดียวในทุกๆการตัดสินใจของหยี
สิ่งหนึ่งที่พี่อ๋องกับหยีคุยไว้ ก่อนจบการสนทนาวันนี้ คือ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคนรอบข้าง
การที่เราจะเป็นคริสเตียนได้ ไม่ใช่ว่า เราหวังที่จะรักษาแต่ความสัมพันธ์อันดีกับพี่น้องในโบสถ์เท่านั้น
แต่พอนอกโบสถ์ เรากลับเป็นคนที่ไม่มีอะไรเลย...
เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่หยีเป็นห่วง
ต้องยอมรับว่า หลายๆครั้งคริสเตียนก็อาจจะใจดีเกินไป ยอมเกินไป เป็นคนดีเกินไป
เพราะเรามักจะอ้างพระบัญญัติ "รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง"
ซึ่งหยียอมรับว่า หลายๆครั้งมันทำให้เราดูอ่อนโยน แต่เหยาะแหยะในโลกข้างนอก
แล้วจะทำอย่างไร? ถึงจะเป็นคริสเตียนที่ดี มีจุดยืนที่ดี เข้มแข็ง มั่นคง และก็ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความรัก
มีความสัมพันธ์กับพระเจ้าดี รวมไปถึงความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง
หยีทิ้งคำถามนี้ไว้กับพี่อ๋อง
สุดท้ายเราต่างก็บอกว่า "มันยาก"
และคนที่เก่งเรื่องความสัมพันธ์ได้ คนนั้น เป็นคนเก่งจริง
แต่แล้วเมื่อกลับมาเฝ้าเดี่ยว
"7:27 สาธุการแด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเรา ผู้ทรงดลพระทัยของกษัตริย์ ให้เสริมความงามแก่พระนิเวศของพระเยโฮวาห์ซึ่งอยู่ในเยรูซาเล็ม
7:28 และทรงบันดาลให้ข้าพเจ้ามีความเมตตาต่อพระพักตร์กษัตริย์ และที่ปรึกษาของพระองค์ และต่อหน้าเจ้านายผู้ทรงอำนาจของกษัตริย์ และข้าพเจ้าก็มีใจกล้าขึ้น เพราะพระหัตถ์ของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพเจ้าอยู่กับข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้รวบรวมบุคคลชั้นผู้นำจากอิสราเอลขึ้นไปกับ"
สิ่งที่ง่ายที่สุด.... แค่ฝากเรื่องทุกอย่างไว้กับพระเจ้า
อย่างไม่ต้องกังวลกับผลลัพธ์ที่ออกมา...
ถ้าเราติดสนิทกับพระเจ้ามากขึ้น อธิษฐานมากขึ้น เรียนรู้ที่จะได้ยินเสียงของพระองค์
หยีเชื่อว่าพระเจ้าจะลดความเป็นตัวเราลง และใส่พระองค์ลงไปในเรามากขึ้น ทีละน้อยๆ ในทุกๆวัน
เราจะไม่ต้องกังวลว่า เราควรจะตัดสินใจอย่างไร เราควรจะทำอย่างไร
เพราะถ้าเรามีหัวใจที่เหมือนพระทัยของพระองค์ เราทำทุกอย่างที่ออกมาจากใจ
และทำทุกอย่าง ตัดสินทุกอย่าง เป็นคนชอบธรรม
เราก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว ^^
เพราะพระเจ้าจะเป็นคนดูแลทุกอย่างเอง เหมือนที่พระองค์ดลพระทัยของกษัตริย์ เหมือนที่ทำให้กับเอสรา
พระเจ้าทำให้ทุกสิ่งเป็นไปได้เสมอ
สรรเสริญพระเจ้าค่ะ - Have a BLESSED day!
ลูกหยี
(http://loukyie.blogspot.com/)